ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอม: เติมเต็มพัฒนาการด้วยกิจกรรมกับครอบครัว

การใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ...
นอกจากจะเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ รอคอย เพราะนอกจากจะได้พักผ่อนแล้ว ยังเป็นโอกาสทองที่คุณพ่อคุณแม่จะได้เสริมพัฒนาการ และใช้เวลาคุณภาพร่วมกันในครอบครัว แต่คำถามคือ จะทำอย่างไรให้ช่วงเวลานี้ทั้งสนุกและมีประโยชน์?
หลายครอบครัวเลือกพาเด็กๆ ไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ฝึกทักษะใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งเรียนรู้นอกห้องเรียน และหนึ่งในทักษะสำคัญที่สุดของโลกยุคนี้ก็คือ ภาษาอังกฤษ เพราะเป็นเครื่องมือที่จะเปิดโอกาสการเรียนรู้แบบไร้ขอบเขต และนำพาไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
กิจกรรมช่วงปิดเทอมที่คุณพ่อคุณแม่สามารถมอบให้กับลูก มีมากมายที่ช่วยพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการใช้ชีวิต ไม่เพียงทำให้เด็กสนุก แต่ยังช่วยต่อยอดการเรียนรู้ในแบบที่ห้องเรียนไม่สามารถให้ได้
1. ออกทริปการเรียนรู้
การพาเด็กๆ ไปพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด สวนสัตว์ หรือแหล่งธรรมชาติ ไม่ได้เป็นแค่กิจกรรมท่องเที่ยว แต่คือการ “เปิดโลก” ให้เด็กได้เห็น ได้สงสัย และได้ตั้งคำถาม
- ประโยชน์: เสริมสร้างทักษะการสังเกต ความอยากรู้อยากเห็น และการคิดวิเคราะห์
- สิ่งที่จะได้รับ: เด็กจะได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ ผ่านการเห็นและสัมผัสจริง เช่น เรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์, ความหลากหลายของสัตว์ที่สวนสัตว์, หรือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่อุทยาน
- ตัวอย่าง: พาไปห้องสมุดแล้วให้ลูกเลือกหนังสือที่สนใจ จากนั้นคุยแลกเปลี่ยนกับเขา — จะทำให้เขาได้ฝึกสรุปและเล่าเรื่องในแบบของตัวเอง
2. กิจกรรมในครัว
การทำอาหารร่วมกับลูกไม่ใช่เพียงการฝึกทักษะพื้นฐาน แต่ยังเป็นการใช้ช่วงเวลาร่วมกันที่อบอุ่น
- ประโยชน์: เด็กได้ฝึกความรับผิดชอบ การทำงานเป็นขั้นตอน และการใช้จินตนาการในการจัดจาน
- สิ่งที่จะได้รับ: การตระหนักถึงโภชนาการ การรู้จักคุณค่าของอาหาร และการภูมิใจในผลงานของตัวเอง
- ตัวอย่าง: ให้ลูกช่วยปั้นแป้งทำคุกกี้ หรือตกแต่งหน้าพิซซ่าเอง — จะทำให้เขารู้สึกมีส่วนร่วมและสนุกไปกับการเรียนรู้เรื่องอาหาร
3. เล่นกีฬาและทำกิจกรรมกลางแจ้ง
การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างการว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือทำสวน ช่วยให้เด็กๆ ได้ออกพลังและพัฒนาร่างกายไปพร้อมกับสุขภาพจิตที่ดี
- ประโยชน์: พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ความคล่องตัว และสร้างสุขภาพแข็งแรง
- สิ่งที่จะได้รับ: เด็กเรียนรู้วินัย ความพยายาม และการเล่นอย่างมีน้ำใจนักกีฬา
- ตัวอย่าง: พาลูกไปปั่นจักรยานรอบหมู่บ้าน หรือจัดกิจกรรมทำสวน ปลูกผักเล็กๆ ที่บ้าน — จะช่วยให้เด็กๆ รู้จักคุณค่าของธรรมชาติและผลลัพธ์จากความพยายามของตนเอง
4. กิจกรรมศิลปะและดนตรี
การให้เด็กได้วาดรูป ระบายสี หรือเล่นดนตรี เปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงออกทางความคิดและอารมณ์
- ประโยชน์: เสริมสร้างจินตนาการ การคิดสร้างสรรค์ และสมาธิ
- สิ่งที่จะได้รับ: เด็กจะเรียนรู้การถ่ายทอดความรู้สึกและความคิดของตนเองออกมาในรูปแบบที่จับต้องได้
- ตัวอย่าง: ให้ลูกลองระบายสีภาพที่เขาได้เห็นจากการไปเที่ยว หรือฝึกเล่นดนตรีง่ายๆ เช่น คีย์บอร์ด กลอง หรืออูคูเลเล่ — จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติ
5. เสริมคุณธรรมและสายใยครอบครัว
กิจกรรมที่เชื่อมโยงกับคุณธรรม เช่น การพาลูกไปวัด ทำกิจกรรมอาสา หรือเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ สอนให้เด็กเข้าใจเรื่องคุณค่าในความสัมพันธ์และจริยธรรม
- ประโยชน์: สร้างทัศนคติที่ดีในการช่วยเหลือผู้อื่น และเสริมสายใยครอบครัว
- สิ่งที่จะได้รับ: เด็กจะได้เรียนรู้ความกตัญญู ความมีน้ำใจ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
- ตัวอย่าง: ให้ลูกช่วยแพ็กของบริจาค หรือพาไปกราบคุณตาคุณยาย — สิ่งเล็กๆ เหล่านี้จะฝังรากเป็นค่านิยมที่ดีในระยะยาว
แต่ที่ไม่ควรลืมคือ การเสริมทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ที่ช่วยเปิดโลกการเรียนรู้และสร้างโอกาสในอนาคต การฝึกภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถทำได้ทุกวัน ผ่านกิจกรรมเล็กๆ ที่สนุกและเป็นธรรมชาติในครอบครัว
- ทำไมควรฝึก:
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ใช้ในการเรียน การทำงาน และการสื่อสารทั่วโลก การปลูกฝังให้เด็กได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยให้เขาคุ้นเคย กล้าแสดงออก และเรียนรู้ได้ไวขึ้น - ประโยชน์ที่จะได้รับ:
- พัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ไปพร้อมกัน
- ฝึกความมั่นใจในการสื่อสารกับผู้อื่น
- เสริมทักษะการคิดเป็นภาษาอังกฤษ (Thinking in English) ซึ่งทำให้การเรียนในอนาคตง่ายขึ้น
- สร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว เมื่อพ่อแม่ร่วมทำกิจกรรมไปด้วย
- ตัวอย่างกิจกรรมง่ายๆ ที่ทำได้ทุกวัน:
- เล่นบอร์ดเกมทายคำศัพท์: เช่น เกมจับคู่ภาพกับคำศัพท์ หรือเกมใบ้คำ (Charades) ให้เด็กๆ สนุกไปกับการเรียนรู้คำใหม่
- ร้องเพลงภาษาอังกฤษ: เลือกเพลงเด็กที่มีเนื้อหาง่าย เช่น เพลงนับเลข เพลงสัตว์ หรือเพลงทักทาย ให้เด็กได้ทั้งท่องจำคำศัพท์และออกเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ
- เล่านิทานแปลสองภาษา: คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มเล่าเป็นภาษาไทย แล้วค่อยๆ สอดแทรกภาษาอังกฤษ หรือเล่านิทานภาษาอังกฤษแล้วชวนลูกช่วยแปล จะช่วยให้เด็กเห็นการเชื่อมโยงระหว่างสองภาษา
- กิจกรรมประจำวันเป็นภาษาอังกฤษ: เช่น การชี้สิ่งของรอบตัวแล้วเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษ “This is a spoon” หรือ “The sky is blue” ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบไม่รู้ตัว (learning by doing)
👉 การเสริมภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรมสนุกๆ เหล่านี้ นอกจากจะทำให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างเพลิดเพลินแล้ว ยังทำให้ภาษาไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลตัว และเมื่อผนวกกับ การเรียนออนไลน์กับครูต่างชาติ ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk เด็กก็จะได้รับการฝึกอย่างเป็นระบบ ได้ฝึกพูดโต้ตอบจริงแบบตัวต่อตัว อีกทั้งยังสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา — แม้กระทั่งขณะรถติดระหว่างเดินทาง — ทำให้ช่วงเวลาว่างในแต่ละวันกลายเป็นโอกาสทองของการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง
สรุป
ช่วงปิดเทอมไม่ใช่เพียงเวลาพักผ่อน แต่คือโอกาสทองที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผ่านกิจกรรมที่มีประโยชน์ และที่สำคัญคือ การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ที่จะกลายเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)
📌 ให้ 51Talk เป็นเพื่อนคู่คิดในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของลูกคุณ
ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ในทริปท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งตอนรถติด ก็สามารถเปลี่ยนทุกช่วงเวลาให้กลายเป็นห้องเรียนได้
👉 ทดลองเรียนฟรีกับ 51Talk วันนี้ เพื่อมอบอนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกของคุณ

