Parenting

แจกเทคนิคเลี้ยงลูกแบบ Traditional ในยุคดิจิทัล

เลี้ยงลูกแบบ Traditional ดียังไง?

เมื่อโลกยุคดิจิทัลหมุนเร็ว จนบางครั้งเราอาจลืมมองกลับไปที่สิ่งสำคัญที่เรามีอยู่ นั่นคือครอบครัว และการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดี ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่หลายคนหันกลับมาให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิม หรือ Traditional มากขึ้น 

ทำไมต้องเลี้ยงลูกแบบ Traditional ในยุคดิจิทัล?

  • สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น: การเลี้ยงลูกแบบ Traditional เน้นการใช้เวลาร่วมกันกับลูกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเล่น หรือการทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เกิดความผูกพันและความรักที่แน่นแฟ้นระหว่างพ่อแม่และลูก
  • พัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญ: การเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิมมักจะเน้นการสอนทักษะชีวิตพื้นฐาน เช่น การช่วยเหลือตัวเอง การทำงานบ้าน การอยู่ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในสังคม
  • ปลูกฝังค่านิยมที่ดี: การเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิมมักจะยึดมั่นในค่านิยมที่ดีงาม เช่น ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ ความอดทน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างคนดี
  • ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์และสังคม: การเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิมจะให้ลูกได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • สร้างความสมดุลให้กับชีวิต: การเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิมช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างสมดุล ไม่ติดอยู่กับโลกออนไลน์มากเกินไป

เทคนิคการเลี้ยงลูกแบบ Traditional ในยุคดิจิทัล

  • อ่านนิทานให้ลูกฟัง: การอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอนเป็นกิจกรรมที่สร้างความผูกพันและช่วยพัฒนาทักษะการฟังและจินตนาการของเด็ก
  • เล่นเกมกับลูก: การเล่นเกมจะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การรอคอย การแพ้ชนะ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น
  • ทำอาหารร่วมกัน: การทำอาหารร่วมกันเป็นกิจกรรมที่สนุกและช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารและการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน: การพาลูกออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น ไปสวนสาธารณะ ขี่จักรยาน ช่วยให้เด็กได้ออกกำลังกายและได้สัมผัสกับธรรมชาติ
  • เล่าเรื่องราวในอดีตให้ลูกฟัง: การเล่าเรื่องราวในอดีตให้ลูกฟัง ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของครอบครัว

การผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับการเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิม 

ถึงแม้ว่าการเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิมจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การใช้เทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคปัจจุบัน พ่อแม่ก็สามารถผสมผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันได้ดังตัวอย่าง เช่น 

  • เลือกแอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์: มีแอปพลิเคชันมากมายที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการพัฒนาเด็ก เช่น แอปพลิเคชันสำหรับการเรียนรู้ภาษา หรือแอปพลิเคชันสำหรับการฝึกทักษะต่าง ๆ
  • กำหนดเวลาในการใช้เทคโนโลยี: การกำหนดเวลาจะช่วยให้เด็กไม่ติดอยู่กับหน้าจอมากเกินไป
  • ใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้: เราสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยในการเรียนรู้ เช่น การดูวิดีโอการเรียนรู้ การเล่นเกมที่ช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ 

สิ่งที่พ่อแม่ยุคดิจิทัลควรทำ

  • เป็นแบบอย่างที่ดี: ลูกจะเรียนรู้จากพฤติกรรมของเรา ดังนั้นพ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต ทั้งในเรื่องของการใช้เวลา การดูแลสุขภาพ และการเข้าสังคม
  • สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น: สร้างบรรยากาศในครอบครัวที่เปิดกว้าง สนับสนุนให้ลูกได้แสดงออกถึงความคิดเห็นและความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม
  • ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง: โลกยุคใหม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พ่อแม่ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ลูกได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

การเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิมไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธเทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่างโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริง นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก การปลูกฝังค่านิยมที่ดี และการพัฒนาทักษะชีวิตที่จำเป็น การผสมผสานการเลี้ยงลูกแบบดั้งเดิมเข้ากับการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่มีความสุข มีสุขภาพที่ดี และมีความพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายในอนาคต 

เหมือนกับการเรียนที่ 51Talk ด้วยระบบออนไลน์ 100% กับครูผู้สอนชาวต่างชาติ ที่ผ่านการอบรมจิตวิทยาเด็กมากว่า 100 ชั่วโมง และหลักสูตรที่คิดค้นร่วมกับ Cambridge university ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า การเรียนออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของ 51Talk นั้นได้ผลแน่นอน ทดลองเรียนฟรี คลิกที่นี่ http://bit.ly/51talkthblog