4 เทรนด์เลี้ยงลูกแนวใหม่ ให้ทันยุคเทคโนโลยี

รู้จักเทรนด์เลี้ยงลูกแนวใหม่
ในโลกที่เทคโนโลยีมีการเติบโต และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เด็กยุคใหม่ก็จะเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เหมาะสมกับโลกที่เปลี่ยนไป 51Talk ขอนำเสนอ 4 เทรนด์การเลี้ยงลูกในโลกแห่งเทดโนโลยี เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของลูกให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ไปดูกันเลย
1.Positive Parenting: เลี้ยงลูกแบบส่งเสริมความมั่นใจ ไม่ใช่ความกลัว
วิธีการเลี้ยงลูกแบบ positive parenting เป็นการนำจิตวิทยาเชิงบวกมาใช้ในการพูดคุยและสื่อสารกับลูก แทนที่จะใช้การดุ ด่า หรือว่า ปรับเปลี่ยนมาใช้การพูดในแนวที่ส่งเสริมความมั่นใจให้กับลูก หรือตักเตือนด้วยเหตุและผล และไม่ทำให้ลูกกลัวคุณ ตัวอย่างเช่น ปรับเปลี่ยนการมองลูกว่าซน เป็นการมองว่าลูกเป็นเด็กที่มีพลังงานสูง หรือ การใช้เหตุผลพูดคุยมากกว่าการใช้อารมณ์
การเลี้ยงลูกแบบนี้ได้ถูกวิจัยมาแล้วว่า มีผลดีต่อเด็กในหลากหลายด้านดังนี้
- ทำให้ลูกเจริญเติบโตมาเพราะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากขึ้น
- ทำให้ลูกรับมือกับมือกับปัญหาเมื่อโตขึ้นได้อย่าง
- มีส่วนช่วยให้ลูกเรียนได้ดีมากขึ้น
- ทำให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และมีปัญหาความซึมเศร้าน้อยลง
- ทำให้ลูกมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
การเรียนรู้ในยุคเทคโนโลยี โดยการใช้ Positive Parenting นั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ที่อยากส่งเสริมพัฒนาการของลูก และพัฒนาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น
2. เลี้ยงลูกด้วยการเรียนรู้แบบรอบด้าน
โลกของศตวรรษที่ 21 นั้น โลกต้องการมากกว่าการเรียนวิชาหลัก เช่น วิทยาศาสตร์ หรือ คณิตศาสตร์ ที่อยู่ในในห้องเรียน ทักษะของศตวรรษที่ 21 นั้นจำเป็นที่จะต้องให้เด็กได้เรียนรู้จากกิจกรรมนอกห้องเรียนเพื่อเสริมสร้างทักษะในด้านอื่น เช่น การทำกิจกรรมจิตอาสา การเล่นดนตรี และ การเล่นกีฬา เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้ส่งเสริมให้เด็กมีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกที่ตนเองกำลังอาศัยอยู่มากขึ้น เด็กจะประสบความสำเร็จได้ในศตวรรษที่ 21 หากคนสนับสนุนให้เขาได้รับการเรียนรู้ที่นอกเหนือจากสิ่งที่มีอยู่ในห้องเรียน
การส่งเสริมการเรียนรู้แบบรอบด้านจะช่วยเพิ่มทักษะ soft skills เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การบริหารเวลา การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม การแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในศตวรรษที่ 21 ทักษะเหล่านี้ถือเป็นทักษะที่สำคัญมากเทียบเท่า หรือ อาจมากกว่า ทักษะ Hard Skills อีกเสียด้วยซ้ำ
3.Home Education: การเรียนออนไลน์ที่กลายมาเป็น The New Normal
ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนไทย อินเตอร์ หรือ มหาวิทยาลัยระดับโลก ก็ต่างต้องปรับมาเปลี่ยนการเรียนรู้เป็นรูปแบบ virtual classroom เพราะสะดวก และสามารถบริหารเวลาได้ บางครั้งสามารถเลือกวิชาที่อยากเรียนได้ เช่นการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัว
ทำให้ผู้ปกครองอาจเกิดความกังวลว่าควรจะทำอย่างไรให้ลูกสามารถเรียนรู้ได้อย่ามีประสิทธิภาพเมื่อไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องเรียนอย่างเคย ปัญหาต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นมากมาย เช่น เด็กอาจมีสมาธิน้อยลงเมื่อเรียนจากบ้าน หรือ การเรียนรู้อาจช้าลงเมื่อไม่ได้พูดคุยกับครูอย่างเช่นเคย
ทั้งนี้ผู้ปกครองจึงต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเรียนรู้ของลูกใหม่ ส่งเสริมการเรียนรู้จากบ้านในโลกออนไลน์ให้กับลูก ๆ ต้องปรับตัวทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้ application ต่าง ๆ เช่น Google Classroom, หรือแอพเรียนภาษาอย่าง 51Talk ฯลฯ หากสามารถเข้าใจและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ ลูกของคุณก็จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4.Digital Parenting - การใช้เทคโนโลยีกับการการเลี้ยงดูลูก
ศตวรรษที่ 21 เป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นสำหรับการใช้ชีวิตครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือ entertainment ต่างๆ ซึ่งถ้าเทคโนโลยีหากใช้ให้ถูกต้อง และพอเหมาะ จะมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ แต่หากใช้มากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อเด็กได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่จึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้สื่อและเทคโนโลยีอยู่เสมอ และนำเทคโนโลยีมากเลี้ยงลูกอย่างเหมาะสม เช่น การใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ภาษาที่ 3 หรือ การใช้ gamified learning เพื่อให้การเรียนรู้ของลูกมีความสนุกมากขึ้น
การเรียนรู้ของเด็กสมัยใหม่ที่เปลี่ยนไป คุณพ่อคุณแม่ต้องปรับตัวให้กับเทคโนโลยี โดยอาจลองให้ลูกฝึกเรียนออนไลน์แบบตัวต่อตัว ด้วย Gamification กับ 51Talk เพื่อให้สามารถปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ในอนาคต โดยสามารถลงทะเบียนทดลองเรียนฟรี ได้ที่หน้าเว็บไซต์เลย

